Thursday, June 10, 2010

ระดมยิงหนักช่วง6โมง-2ทุ่มที่วัดปทุม


ด้านนายวสันต์ สายรัศมี หรือเก่ง เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุร่วมด้วยช่วยกัน เปิดเผยว่า เช้าวันที่ 19 พ.ค.ตนทำงานอยู่ที่บริเวณสี่แยกศาลาแดง ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บตั้งแต่ 6 โมงเช้า จนถึงประมาณ 3 โมงเย็น ได้มีการประกาศบอกประชาชนว่าจะมีการสลายการชุมนุม ให้รีบกลับบ้าน เหตุการณ์จากนั้นมีเสียงระเบิดดังขึ้นจากบริเวณเวทีราชประสงค์ ประชาชนทุกคนได้วิ่งหลบหนีไปทางร.พ.ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือแม้กระทั่งในวัดปทุมฯ หลังจากที่เราเสร็จภารกิจจากศาลาแดงเมื่อตอนช่วงบ่าย เราก็เข้าไปพักกินอาหารกันอยู่พักใหญ่ รอเวลาจนข่าวออกว่าจะสลายการชุมนุม ก็วิ่งเข้าไปอยู่ในวัด ตอนนั้นภายในวัดมีคนอยู่ประมาณ 3 พันกว่า มีทั้งผู้ชุมนุม สื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ และประชาชนทั่วไปที่ติดอยู่ในนั้น ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารนั้นตนได้สังเกตเห็นอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ตั้งแต่ช่วง 6 โมงเย็น ส่วนทหารที่อยู่ข้างล่างเห็นตั้งแต่ตอนประมาณ 10-11 โมงเช้า มีทหารอยู่ตั้งแต่แยกศาลาแดงจนถึงเวทีราชประสงค์

นายวสันต์กล่าวต่อว่า ส่วนทหารบนรถไฟฟ้าบีทีเอสนั้นเท่าที่มองเห็นอยู่เยอะมากนับสิบนาย มีอาวุธพร้อม ตนยืนมองดูอยู่โดยที่ทหารไม่เห็นหรอกว่าเราอยู่ตรงไหน เริ่มมีการยิงเข้าไปในวัดตั้งแต่ 6 โมงเย็นและยิงไปตลอดทั้งคืน ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ที่วิ่งออกไปบริเวณวัดชั้นนอกใกล้กับประตูทางออกวัด จะโดนยิงใส่ตลอด จะยิงกันหนักมากช่วง 6 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม

"คนแรกที่ผมเห็นว่าโดนยิง คือลุงกิตติชัย แข็งขัน โดนยิงที่กลางหลัง รายนี้ยังมีชีวิตอยู่ พอโดนยิงแล้วเขาก็วิ่งเข้ามาหาที่เต็นท์พยาบาล แพทย์อาสาก็ทำแผลให้ ลุงกิตติชัยยกมือไหว้ว่ายินยอมแล้ว ก็ยังโดนยิงซ้ำอีกที่มือขวา 1 นัด วิธีกระสุนมาจากแนวสูง เพราะลุงเขายกมือขึ้นแล้วพูดว่าผมยอมแล้ว และแนวราบตอนนั้นไม่มีทหาร มันเป็นช่วงที่ยังสว่าง ช่วงโพล้เพล้ เราสามารถที่จะมองเห็นคนที่เดินไปมาตรงนั้นได้ ขณะนั้นมีหน่วยกู้ภัยอยู่ในวัดประมาณ 10 กว่าคนทั้งจากศูนย์วิทยุร่วมด้วยช่วยกัน และมูลนิธิสยามรวมใจ ตอนที่นายอัฐชัย ชุ่มจันทร์ โดนยิงเข้าที่หน้าอกข้างซ้ายตัดขั้วหัวใจ นายมงคล เข็มทอง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ป่อเต็กตึ๊งวิ่งเข้าไปช่วยลากนายอัฐชัยออกมา ปรากฏว่านายมงคลโดนยิงเข้าที่อกข้างซ้ายเสียชีวิต" นายวสันต์ กล่าว

นายวสันต์ กล่าวว่า ส่วนน.ส.กมนเกด หรือน้องเกด นอนหมอบหลบกระสุนอยู่ในเต็นท์พยาบาล ซึ่งอยู่ติดกับประตูทางออกของวัดปทุมฯ และพยายามช่วยเหลือผู้บาดเจ็บถูกยิงรายหนึ่ง ก่อนตัวเองจะโดนกระสุนยิงจนพรุนทั้งร่าง นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่ จนนายอัครเดช หรือปลั๊ก วิ่งเข้าไปหาเกด แต่ก็โดนยิงเข้าที่ไหล่ขวา กระพุ้งแก้ม และที่ก้นกบอีก 2 นัด ล้มนอกชักอยู่ที่เต็นท์พยาบาลอยู่อีกเป็นเวลานาน เราจึงจะเอาเขาเข้ามาบริเวณวัดชั้นในได้ ยื้อชีวิตเขาจนเขาทนไม่ไหว เสียชีวิต พอหันไปดูเกดก็พบว่าเสียชีวิตแล้วเช่นกัน" นายวสันต์กล่าว

นายวสันต์ กล่าวอีกว่า ในวันนั้นมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 6 ราย บาดเจ็บ 5 ราย เป็นนักข่าวต่างชาติ 1 ราย ผู้เสียชีวิต เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยจำนวน 4 ราย คือ น.ส.กมลเกด นายมงคล นายอัครเดช ขันแก้ว และนายมานะ หรือเบิร์ด แสงประเสริฐ เจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งรายนี้ถูกยิงเสียชีวิตที่ซอยงามดูพลี ขณะกำลังช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเช่นกัน สำหรับน้องเกดเป็นผู้ช่วยแพทย์ผ่าตัดอยู่ที่ร.พ.แห่งหนึ่ง มาแจกจ่ายยา ทำแผลให้ผู้ชุมนุมอยู่ที่เวทีราชประสงค์ ส่วนตนมีหน้าที่ประสานรถพยาบาลจากข้างนอกมารักษาผู้ป่วยภายในราชประสงค์ไปส่งโรงพยาบาล เป็นอาสาฯที่เข้าไปในที่เกิดเหตุ โดยที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการชุมนุมของนปช.เลย

นายวสันต์กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ตอนนั้นชุลมุนมาก เพราะทุกคนต้องเอาตัวรอด ในสิ่งที่ผมช่วยคนเจ็บได้ ผมก็จะเอาคนเจ็บเข้ามาก่อน ส่วนผู้ที่เสียชีวิตแล้ว เราก็ต้องทิ้งไปก่อน ต้องเอาคนเจ็บมาปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นต่อไป การช่วยเหลือเราไม่มีการเลือก หรือเจาะจงว่าจะช่วย ไม่ช่วยใคร เราช่วยทุกคน เราเป็นอาสาสมัครที่ไม่มีผลตอบแทน เรารับใช้สังคมด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาตลอด

นายวสันต์กล่าวอีกว่า จะให้เรียงลำดับว่าคนเสียชีวิตก่อนหลังคงไม่ได้ เหตุการณ์ในตอนนั้นแทบไม่มีใครเรียงลำดับได้เลยว่าใครเสียชีวิตก่อน ใครเสียชีวิตหลัง เพราะวิถีกระสุนมาทุกแนวทางจากข้างบน ที่แถลงข่าวว่ามีมาจากแนวราบ แนวราบมีจริงแต่มาโดยที่ทุกคนเห็นว่ามาจากพื้น คือเดินเลาะกำแพงเข้ามาในวัดแล้วกราดยิง พวกเราเห็นชัดว่าใครยิง ประชาชนทุกคนในวัดก็เห็น ด้านหลังวัดก็มีการยิงใส่ประชาชน คนที่ตายทุกคนตายในเขตอภัยทาน หลังจากคืนนั้นเราได้ลำเลียงศพทั้งหมดเข้าไปในเขตวัดชั้นใน ผู้บาดเจ็บอีกส่วนหนึ่งเราก็ยังปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือห้ามเลือด ให้กินยาแก้ปวด แล้วเราก็ได้ประสานกับรถพยาบาลข้างนอกให้เข้ามารับคนเจ็บสาหัส ซึ่งตอนนั้นเรามีอยู่ 5 คน มีนักข่าวต่างชาติ คือนายแอนดรู ที่โดนยิงที่ต้นขาขวา พวกตนไม่กล้าลำเลียงออกไปที่หน้าวัด ต้องรอให้รถพยาบาลเข้ามาถึงข้างใน เพราะกลัวโดนยิงซ้ำอีก

"การยิงมีตั้งแต่ 6 โมงถึงสองทุ่มกว่า หลังจากนั้นก็มียิงกัน มีคนตายเรื่อยๆ คือใครออกไปก็โดนยิง ลักษณะการยิงไม่ใช่การยิงโต้ตอบ เป็นการยิงจากฝ่ายเดียว ที่มีการแถลงว่าในวัดเจออาวุธสงครามมากมาย แล้วทำไมตอนที่ถูกยิงถล่มใส่ จึงไม่มีใครยิงตอบโต้ออกไป ก็เพราะผู้ชุมนุมในวัดมีแต่มือเปล่า ไม่มีอาวุธเลย" นายวสันต์กล่าว

นายวสันต์ กล่าวต่อว่า เช้าวันที่ 20 พ.ค. ตนเป็นคนชันสูตรเบื้องต้นทั้ง 6 ศพ พร้อมกับหมอพรทิพย์ และตำรวจเข้าไปตรวจที่เกิดเหตุโดยรอบ โดยใช้สุนัขตำรวจเข้าไปตรวจสอบทั้งหมด แม้กระทั่งกุฏิพระก็ตาม หรือรอบๆ วัดก็ตาม ก็ไม่พบอาวุธอะไรทั้งสิ้น มีแต่ระเบิดพลุระเบิดเพลิงบ้าง ประทัดบ้าง แค่นั้นเอง แต่พอทหารเข้าไปกลับเจออาวุธสงครามที่มากมายจนไม่น่าเชื่อว่ากลุ่มนปช.จะมีอาวุธขนาดนี้เลยหรือ หน่วยแพทย์อาสาจะมีอาวุธขนาดนี้เลยหรือ

"ตำรวจเข้ามาตรวจตอนเช้าวันที่ 20 พ.ค. วันที่เราลำเลียงศพทั้ง 6 ศพเข้าไปที่นิติเวช ร.พ.ตำรวจเรียบร้อย ตำรวจเข้าไปตรวจพื้นที่โดยรอบไม่พบอาวุธใดๆ ทั้งสิ้น ทหารเข้ามาตรวจอีกรอบประมาณเที่ยงวันที่ 20 พ.ค. อยู่ๆ ก็เจออาวุธแม้กระทั่งในน้ำหน้าโบสถ์ หรือในกุฏิพระ หรือในป่าพงหญ้าที่เป็นเขตอภัยทานภายในวัด เป็นที่เดียวกับที่เราได้ตรวจดูก่อนหน้านี้ และเราเห็นแล้วว่ามันไม่มีอะไร ผมต้องเดินตรวจคนป่วยทั้งคืน จะมีคุณลุง คุณป้าหลายท่านที่กลัว และที่จิตเสียไปก็หลายท่านจากเหตุการณ์นี้" นายวสันต์กล่าว

นายวสันต์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้าเกิดการยิงถล่ม คนข้างในวัดก็นั่งคุยกันเป็นปกติ มีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เด็กๆ ก็มาก ถ้าเป็นผู้ชายก็เป็นคนแก่ พอเกิดการยิงถล่มขึ้น ทุกคนมีแต่ความหวาดกลัว อยู่กันแบบนั้นทั้งคืน ขนาดตอนเช้าตำรวจเข้าไปยังโดนยิงเลย แต่ทุกคนไม่คิดเพราะมันเช้าแล้ว สิ่งที่ไม่น่าเกิดมันก็เกิด มีคนออกไปหาอาหาร น้ำดื่มมาให้คนข้างในกินก็ยังโดนยิงเข้ามา แต่ไม่มีใครเป็นอะไร

"ผมอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับศพผู้เสียชีวิต หรือหน่วยพยาบาลที่สูญเสียชีวิตในวันนั้น ต้องการให้คนที่ยิงออกมายืนกรานว่าเขาเป็นคนทำนะ ต้องการให้ผู้สั่งการรับผิดชอบเหตุการณ์นี้ สิ่งที่เกิดขึ้นผมต้องการความยุติธรรมให้เพื่อนพ้องพี่น้องเท่านั้น ไม่ต้องการอะไรเลย ค่าเสียหายมันช่วยอะไรไม่ได้ ต้องการคนรับผิดมากกว่า เงิน 4-5 แสนบาทที่รัฐบาลให้ มันทำให้ชีวิตคนๆ หนึ่งเกิดขึ้นมาได้ไหม ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน พวกผมต้องการความยุติธรรมและให้มีคนออกมารับผิดชอบเท่านั้น" นายวสันต์กล่าว
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า เราเป็นหน่วยกู้ชีพ เป็นหน่วยพยาบาลที่รับใช้สังคมมาตลอด และต้องได้รับผลตอบแทนอย่างนี้หรือ ไม่มีประเทศไหนหรอกที่ทำกับหน่วยพยาบาลถึงขนาดนี้ ทุกวันนี้ไม่มีหน่วยงานไหนที่ติดต่อเข้ามาหาตนเลย แม้กระทั่งจะเข้ามาช่วยเรื่องโน้น เรื่องนี้ก็ไม่มี มาสอบถามข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ก็ไม่มี มีแต่นักข่าวสื่อมวลชนที่เข้ามาสอบถามเหตุการณ์ต่างๆ ตนพร้อมเสมอ พร้อมที่จะเป็นพยานทวงความยุติธรรมให้เพื่อนๆ ที่เสียชีวิต ไม่กลัวกับสิ่งที่จะเกิดตามมาภายหลัง ตนพร้อมที่จะสู้เพื่อเพื่อนน้องที่เสียชีวิต ตนไม่ต้องการเงินทอง ต้องการแค่ความยุติธรรมที่จะมีให้กับหน่วยกู้ชีพ หรือพยาบาลแค่นั้นเอง

"ตอนที่มีการยิงกันไม่มีการประกาศเตือนใดๆ จากเจ้าหน้าที่เลย มีแต่หลวงพ่อในวัดที่ตะโกนออกมาว่าให้ญาติโยมทุกคนอยู่บริเวณในวัด เพราะวัดขึ้นป้ายแล้วว่าเขตอภัยทาน เขตปลอดอาวุธ แต่สิ่งที่เกิดมันไม่ใช่ มันกลายเป็นเหมือนว่าเราไม่ใช่คนวิ่งแล้วให้เขายิง เราพยายามเข้าไปช่วยเหลือคนเจ็บกลับโดนไล่ยิงแทน ความจริงเมื่อเกิดเสียงปืนดังขึ้น ทุกคนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด แต่เราเป็นหน่วยกู้ชีพเราไม่คิดหนี เราเห็นคนเจ็บเราก็เข้าไปช่วย เพราะเราคิดในใจว่าคงไม่ยิงเราหรอก เพราะเราเป็นหน่วยกู้ชีพ เราไม่ได้แบ่งแยกทหารประชาชน ทหารเจ็บเราก็ช่วย ผู้ชุมนุมเจ็บเราก็ช่วย"นายวสันต์กล่าวและว่า พวกตนขอยืนยันว่าที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ เพราะต้องการทวงความยุติธรรมให้กับเพื่อนๆ ที่เสียชีวิต ทวงความ ยุติธรรมให้กับหน่วยกู้ชีพและอาสาพยาบาลทั้งหมด

ีที่มา

วันที่ 09 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7132 ข่าวสดรายวัน
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNakE1TURZMU13PT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1DMHdOaTB3T1E9PQ==

No comments:

Post a Comment