Thursday, June 10, 2010

กู้ชีพร้อง4ศพเซ่นสลายม็อบแดง

เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่สำนักงานหนังสือพิมพ์ข่าวสด มีกลุ่มเจ้าหน้าที่กู้ภัย เข้าร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับกลุ่มอาสาพยาบาลและเจ้าหน้าที่กู้ชีพที่เสียชีวิตภายในวัดปทุมวนารามในเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา นำโดยนายโทนทอง สุขแก่น อายุ 29 ปี ประธานศูนย์มูลนิธิสยามรวมใจ (ปู่อินทร์) ประจําสาขาจังหวัดนนทบุรี โดยนายโทนทองกล่าวว่า เหตุการณ์ที่รัฐบาลประกาศกระชับพื้นที่รอบๆ เวทีราชประสงค์นั้น ทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพและอาสาพยาบาลต้องเสียชีวิต 4 ราย มีนายอัครเดช หรือปลั๊ก ขันแก้ว อายุ 22 ปี อาสาพยาบาลของร่วมด้วยช่วยกัน น.ส.กมนเกด หรือเกด อัดฮาด อายุ 25 ปี อาสาพยาบาลของร่วมด้วยช่วยกัน นายมงคล เข็มทอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง และนายมานะ หรือเบิร์ด แสงประเสริฐ เจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นเลยกับเจ้าหน้าที่กู้ชีพที่มีหน้าที่เข้าช่วยเหลือและปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือผู้ชุมนุน

โดยนายโทนทองกล่าวถึงเหตุการณ์วันสลายม็อบว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 15.00 น.วันที่ 18 พ.ค. ตนในฐานะประธานศูนย์ฯ ได้รับการประสานจากศูนย์สยามรวมใจ เขตธนบุรี ให้ช่วยส่งทีมกู้ชีพสยามรวมใจมาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากการถูกยิงบริเวณพื้นที่ราชประสงค์ด่วน ตนพร้อมทีมงานจึงรีบเดินทางไปรวม 9 คน รถกู้ชีพ 2 คัน เป็นกระบะ 1 คัน และรถตู้อีก 1 คัน เมื่อไปถึงก็รีบนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงทันที จากนั้นทีมกู้ชีพของตนได้สแตนด์บายตลอดคืน และคืนวันที่ 18 พ.ค.ก็ไม่เกิดเหตุอีก

นายโทนทองกล่าวต่อว่า ต่อมาเช้าวันที่ 19 พ.ค.ก็ได้รับแจ้งว่ามีผู้ชุมนุมถูกยิงอีก 1 รายที่แยกสารสิน เมื่อไปถึงพบผู้บาดเจ็บนอนร้องขอความช่วยเหลืออยู่กลางถนน จึงนำส่งร.พ. ตำรวจ ตั้งแต่นั้นก็เริ่มมีการยิงหนักขึ้นเรื่อยๆ และมีคนเจ็บมากขึ้นบริเวณดังกล่าว รวมยิงกันประมาณ 3 รอบ และรอบที่ 3 นี้ขณะที่ทีมงานของตนกำลังลงไปช่วยคนเจ็บถูกยิงต้นคอขึ้นรถปรากฏว่ามีเสียงดังปัง คล้ายกระสุนปืนดังบริเวณท้ายรถ จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงระเบิดลงห่างจากรถกู้ภัยประมาณ 2 เมตรตามมาทันที ทราบภายหลังว่าเป็นระเบิดเอ็ม 79 ทำให้รถกู้ภัยได้รับความเสียหายถูกสะเก็ดระเบิดเป็นรูโหว่บริเวณข้างรถฝั่งขวาหลายแห่ง

นายโทนทองกล่าวว่า ขณะนั้นตนเห็นว่าไม่ปลอดภัย จึงได้สั่งให้คนขับรีบขับรถออกจากจุดดังกล่าวทันที ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้นำผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงคอขึ้นรถ จึงมาคิดอีกครั้งว่าเราต้องช่วยผู้บาดเจ็บรายนี้ส่งโรงพยาบาลให้ได้ จึงตัดสินใจถอยรถไปรับคนที่ถูกยิงต้นคอออกมาส่งร.พ.ตำรวจได้สำเร็จ หลังจากนั้นก็กลับมารับคนเจ็บบริเวณนั้นอีกกว่า 20 รายในช่วงเช้าวันนั้น

"ต่อมาประมาณ 11 โมงเช้า ผมได้สั่งให้ทีมกู้ชีพทุกจุดที่อยู่บริเวณราชประสงค์ ไปรวมตัวที่วัดปทุมวนาราม ขณะนั้นทราบว่าทหารบีบกระชับพื้นที่เข้ามาในพื้นที่ราชประสงค์แล้ว และช่วงที่อยู่ในวัดปทุมฯก็ได้หารือทีมงานว่าจะเอาอย่างไรจะออกจากวัดหรืออยู่ในวัด จึงแยกทีมงานออกเพราะต้องออกไปดูแลผู้บาดเจ็บข้างนอกด้วย พอถึงช่วงแกนนำนปช.ประกาศสลายการชุมนุมให้ทุกคนกลับบ้าน ช่วงนั้นสถานการณ์เริ่มตึงเครียด มีเสียงระเบิด และปืนดังขึ้นหลายจุดบริเวณราชประสงค์ ผมจึงใช้วิทยุบอกทีมงานที่อยู่ข้างนอกใกล้เวทีปราศรัยให้รับผู้ชุมนุมหลบเข้ามาในวัดด้วย จึงรับมาได้กว่า 20 คนอัดมาในรถตู้กู้ภัย โดยในวัดปทุมฯมีผู้ชุมนุมนับพันคน ทั้งเด็กและผู้หญิง จากนั้นก็ให้ทีมงานหลบอยู่ในที่ปลอดภัยก่อนอย่าเพิ่งออกไปข้างนอก ซึ่งในวันนั้นเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงมาก ขนาดกู้ภัยที่ช่วยคนเจ็บยังไม่มีเวลานำคนเจ็บใส่เปล ต้องใช้วิธีอุ้มเข้าโรงพยาบาลแทน ต่อมาทีมงานก็ไปรวมตัวอยู่ที่เต็นท์พยาบาลภายในวัดปทุมฯ พร้อมเดินแจกแอมโมเนียให้ผู้ชุมนุมอยู่ในวัด ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นข้างนอกวัดตลอดเวลา" นายโทนทองกล่าว

นายโทนทอง กล่าวต่อว่า ตอนบ่าย 3 โมงเศษ ขณะนั้นตนและทีมงานเข้าไปหลบอยู่ตรงกุฏิพระ ฝั่งสยามพารากอน ได้ยินเสียงปืนไม่หยุด ตอนนั้นมองเห็นกลุ่มคนแต่งกายแบบคล้ายทหาร ใส่หมวกลายพรางอยู่บนรางบีทีเอส หน้าวัดปทุมวนารามหลายคน ทั้งนี้ ช่วงที่อยู่ในวัดก็ได้ติดตามข่าวสารจากทีวีและวิทยุที่วัดนำมาเปิดให้ดู และมีบางคนวิ่งหนีไปทางชุมชนหลังวัดก็ปรากฏถูกกลุ่มคนไล่ตีหัวแตกกลับมา 

"ตอนนั้นมีประชาชนหลบกระสุนอยู่รอบอุโบสถของวัดเป็นจำนวนมาก และต่างกลัวว่าจะมีการยิงมาจากที่สูงด้วยชุดสไนเปอร์ด้วย จนกระทั่งเวลา 17.30 น.เป็นต้นมา ที่ข้างนอกวัดก็เริ่มยิงกันหนักขึ้น ผมจึงบอกให้ผู้ชุมนุมหลบเข้าไปอยู่ที่สวนป่าภายในวัดเพราะจะปลอดภัยกว่า ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนชุดใหญ่ยิงดังอยู่ตรงบริเวณนอกรั้วหน้าวัด และมาทราบข่าวว่ามีอาสาพยาบาลที่อยู่บริเวณเต็นท์หน้าวัดถูกยิงบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย จึงออกมาช่วย โดยอาสาพยาบาลที่ถูกยิง มีอยู่ 1 ราย ซึ่งน่าสงสารมากชื่อนายอัครเดช ขันแก้ว หรือปลั๊ก อายุ 22 ปี ถูกยิงบริเวณไหล่และปาก ดิ้นทุรนทุรายอยู่ในเต็นท์ พร้อมกับคนอื่นๆ ขณะช่วยชีวิตปลั๊ก ผมต้องนำเชือกมามัดมือไว้เพราะเขาดิ้นมาก พยายามช่วยเหลือชีวิตนานกว่า 30 นาที แต่เขาก็เสียชีวิตลงต่อหน้าต่อตา"

นายโทนทองกล่าวว่า จนกระทั่งหลังเที่ยงคืนวันที่ 19 พ.ค. ตนได้สั่งทีมงานทุกคนถอดเครื่องแบบกู้ภัยออก เพราะไม่รู้เป้าหมายต้องการยิงใครเพื่อเดินปะปนกับผู้ชุมนุมภายในวัด และคนในวัดขณะนั้นมีมากกว่า 3 พันคนแล้ว และช่วงเวลานี้สถานการณ์ก็เริ่มเงียบไม่มีการยิงกันอีก ตนก็เลยนอนพักผ่อน โดยเวลานอนต้องเอาหัวมุดเข้าไปในโพรงต้นไม้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกสไนเปอร์ยิง นอนไม่ค่อยหลับ เพราะจะมีเสียงปืนดังเป็นระยะๆ จนถึงเวลาประมาณ 05.00 น.ของวันที่ 20 พ.ค.ก็มีการยิงอีกชุดใหญ่ ไม่ทราบทิศทาง จนถึงเช้ามีตำรวจเข้ามาช่วยนำผู้ชุมนุมออกจากวัดอย่างปลอดภัย

No comments:

Post a Comment