ที่บ้านเลขที่ 133 ม.10 บ้านร่องายง ต.บ้านพร้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านของนายสุพจน์ ยะธิมา อายุ 37 ปี หนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมชุม นุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่บริเวณราชประสงค์ และถูกยิงเสียชีวิต ต่อมาได้มีพิธีเผาศพที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ภายในบ้านพบนางหลั่น สุขคำภา อายุ 77 ปี ซึ่งเป็นแม่ยายเฝ้าบ้านเพียงลำพัง
นางหลั่นกล่าวว่า นายสุพจน์เป็นลูกเขย แต่เดิมเป็นคนจ.ลำพูนได้มาแต่งงานอยู่กินกับนางสุมิตรา ยะธิมา อายุ 33 ปี ลูกสาวมานาน โดยมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านของตนหลังนี้ตั้งแต่แรก ปกติเวลาอยู่บ้านคนตายจะมีอาชีพทำไร่ทำนาและรับจ้างทั่วไป ก่อนหน้าที่ลูกเขยจะเสียชีวิตได้พาลูกชายตนไปเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้านเกิดจ.ลำพูน และกลับมาเมื่อวันที่ 29 เม.ย.
"ต่อมาวันที่ 30 เม.ย. ลูกเขยได้เดินทางไปหาน้าสาวที่กรุงเทพฯ โดยดิฉันไม่ทราบว่าไปทำ งานอะไรแต่มีญาติโทร.คุยกันทราบว่าไปเป็นยามเพิ่งไปอยู่ได้ประมาณ 1 ปีเท่านั้น กระทั่งมาเสียชีวิต ส่วนตัวไม่รู้มาก่อนว่าลูกเขยได้เข้าไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยทางบ้านไม่มีใครทราบเลย
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบนาง สุมิตรา ยะธิมา อายุ 33 ปี ภรรยานายสุพจน์ ซึ่งทำงานอยู่ในร้านขายส่งขนมกิจทวี ภายในตลาด สดนครไทย ที่ยังสวมเสื้อสีดำไว้ทุกข์ให้กับสามี กล่าวว่า ตนทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ที่ร้านนี้มานานแล้ว ก่อนที่จะแต่งงานกับนายสุพจน์ หลังแต่งงาน อยู่กินด้วยกันจนมีลูกชาย 1 คนชื่อ ด.ช.ภูวดล ยะธิมา เรียนอยู่ชั้น ป.3 โรงเรียนบ้านป่าซ่าน ต.บ้านพร้าว ส่วนสามีเดินทางไปๆ มาๆ กรุง เทพฯได้ประมาณ 1 ปี ครั้งล่าสุดมาทำงานเป็นยาม และได้ส่งเงินมาให้ทางบ้านทุกเดือน เพราะเงินที่ได้มาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว และนำไปใช้หนี้ที่กู้ธ.ก.ส.มา 100,000 บาท นางสุมิตรากล่าวต่อว่า ตนไม่เคยทราบมาก่อนว่าสามีไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง กระทั่งมาทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาบอกที่บ้านในช่วงเช้าของวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมาว่าสามีถูกยิง หลังรับทราบ ช่วงเย็นจึงรีบเดินทางเข้ากรุงเทพฯพร้อมกับญาติทันที ส่วนศพสามีถูกยิงเข้าที่ศีรษะ หลังจากจัดพิธีเผาเสร็จ เบื้องต้นได้รับเงินช่วยเหลือจากสำนักพระราชวังจำนวน 50,000 บาท ได้แบ่งเงิน 2 ส่วน ให้พ่อแม่สามี และตนกับลูก โดยแบ่งกันฝ่ายละ 25,000 บาท
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment