เมื่อเวลา 10.30 น. วันเดียวกัน น.ส.อลิซาเบ็ธ โพเลนจ์กี้ ชาวอิตาลี ซึ่งเป็นพี่สาวของนายฟาบิโอ โพเลนจ์กี้ ช่างภาพชาวอิตาลีที่ถูกยิงเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ทำข่าว ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทหารเข้ากระชับพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสถานทูตอิตาลี และเพื่อนนักข่าวของน้องชาย เดินทางเข้าพบพ.ต.อ. ชุมพร กาญจนรัตน์ ผกก.สน.ปทุมวัน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีที่นายฟาบิโอถูกยิงเสียชีวิต โดยใช้เวลาพูดคุยและปรึกษาหารือประ มาณ 2 ชั่วโมง
พ.ต.อ.ชุมพร กล่าวเปิดเผยว่า เบื้องต้นน.ส. อลิซาเบ็ธ พี่สาวของนายฟาบิโอ นักข่าวชาวอิตาลี ได้เดินทางมาที่สน. เพื่อดูสำนวนผลการชันสูตรศพของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าตรงกับผลการชันสูตรของนิติเวชหรือไม่ นอกจากนี้ ตนยังได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่สถานทูต จนเป็นที่เข้าใจเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตนก็ได้แจ้งให้น.ส.อลิซาเบ็ธและทางสถานทูตทราบว่า ขณะนี้คดีได้โอนไปอยู่ในความดูแลของกรมคดีสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว เนื่องจากเป็นคดีพิเศษที่ไปรวมกับคดีก่อการร้าย ซึ่งตนจะเป็นผู้ประสานงานกับดีเอสไอ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าวให้
-เข้าร้อง"องอาจ"ที่ทำเนียบ
ทางด้านนายนันทพงษ์ ไชยวุฒิ 62 ปี เจ้าหน้าที่ของบริษัทเยอรมันแม็กกาซีน ซึ่งเป็นผู้ประสานงานกับนักข่าวต่างประเทศที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย และเป็นผู้พาน.ส.อลิซาเบ็ธเดินทางมาที่สน.ปทุมวัน กล่าวว่า นายฟาบิโอทำงานอยู่กับนิตยสารเยอรมันแม็กกาซีน ซึ่งก็ได้มาเสียชีวิตระหว่างปฎิบัติหน้าที่ โดยตนได้รับการประสานงานให้มาดูแลอำนวยความสะดวกให้กับน.ส.อลิซาเบ็ธ พี่สาวของนายซาบิโอ โดยน.ส.อลิซาเบ็ธได้เดินทางมาจากประเทศอิตาลีถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวานนี้ (27 ก.ค.) จากนั้นก็พามาที่สน.ปทุมวัน เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดีตามคำแนะนำของสถานทูต เพราะเหตุการณ์ผ่านมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ จนน.ส.อลิซาเบ็ธร้อนใจ จึงเดินทางมาดูด้วยตนเอง
ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.อลิซาเบ็ธเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าพบนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะกำกับดูแลงานด้านสื่อ โดยใช้เวลาหารือนาน 30 นาที ซึ่งน.ส.อลิซาเบ็ธ กล่าวว่า การมาเมืองไทยหนที่ 2 ของตนในครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีการเสียชีวิตของน้องชาย เนื่องจากรู้สึกว่าไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ตนไปขอข้อมูลจากตำรวจเขาก็ไม่ให้ และแจ้งให้ทราบว่าคดีนี้ถูกมอบให้ไปอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอแล้ว อย่างไรก็ตาม นายองอาจได้รับปากจะช่วยติดต่อสอบถามเรื่องจากดีเอสไอให้ และได้แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้น
-เตรียมบุกดีเอสไอต่อ 29 ก.ค.
ด้านนายองอาจ ให้สัมภาษณ์ว่า น.ส.อลิซาเบ็ธมาพบตนเพื่อเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น โดยเขาไม่ได้มาเรียกร้องอะไรจากนายกฯ หรือรัฐบาลไทย เพียงมาขอความร่วมมือว่าเขาอยากได้รายละเอียดการเสียชีวิตของน้องชาย ขอให้ตนช่วยผลักดันไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเขาต้องการขอรายละเอียดการตาย และวันที่ 29 ก.ค. เขาจะไปพบดีเอสไอ ตนบอกว่าจะช่วยประสานดีเอสไอให้ แม้หน้าที่ตนไม่เกี่ยวข้อง แต่จะประสานกระทรวงยุติธรรม ให้ช่วยอำนวยความสะดวก เพื่อให้เขาได้รับข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่อยากได้ เขาไม่ได้มาร้องขออะไร และเขามีความเข้าใจดีต่อขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่แต่ละฝ่ายที่รับผิดชอบคดี นอกจากนี้เขายังบอกว่า อยากขอคนที่เอาข้อมูลในกล้องของน้องชายเขาไปคืนมาด้วย เพราะเขาต้องการเก็บเป็นภาพบันทึกสุดท้ายในประเทศไทย
นายองอาจ กล่าวว่า ตนแนะนำว่าให้เขาไปพบกับคณะกรรมการอิสระของนายคณิต ณ นครด้วย เพราะเป็นคณะกรรมการที่หาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้โดยตรง มีอำนาจตามกฎหมายที่จะช่วยเขาแสวงหาข้อเท็จจริงด้วย ซึ่งน.ส.อลิซาเบ็ธได้ขอบคุณ และตนบอกด้วยว่าบางทีเจ้าหน้าที่มีข้อจำกัดในเรื่องกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งเขาเข้าใจดี
วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7182 ข่าวสดรายวัน
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOREk1TURjMU13PT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1DMHdOeTB5T1E9PQ==
Thursday, July 29, 2010
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment