Saturday, July 31, 2010

ค้นหาความหมายจากความตาย 90 ศพ

เหตุการณ์เดือน พฤษภา 2553 เนื่องจากรัฐบาลเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง จึงทำให้ขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ถูกตั้งคำถาม


รศ.ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล นักวิชาการจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ค้นหาความหมายจากการบาดเจ็บล้มตาย 90 ศพ จากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ คืนความยุติธรรมให้กับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

รศ.ดร.กฤตยา เคยทำงานอยู่ในศูนย์ฮอตไลน์ ของมหาวิทยาลัยมหิดล ในเหตุการณ์เดือนพฤษภา 2535 เธอพบว่า ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ มีการจัดตั้งองค์กรร่วมภาครัฐ และภาคประชาชน เพื่อติดตามการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหาย โดยความร่วมมือของกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานทางการแพทย์ ทำให้ขั้นตอนการตรวจสอบโปร่งใส

แต่ในเหตุการณ์เดือน พฤษภา 2553 เนื่องจากรัฐบาลเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง จึงทำให้ขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ถูกตั้งคำถาม

Content by VoiceTV

2 กรกฎาคม 2553 เวลา 16:58 น.
                       

เสียงสะท้อน..เหยื่อความรุนแรง

นอกจากผู้เสียชีวิต90ราย จากเหตุความรุนแรงทางการเมือง12มี.ค.-19พ.ค.53 ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ2,000คน


แม้ผู้บาด เจ็บส่วนใหญ่จะกลับไปพักรักษาตัวต่อที่บ้านแล้ว แต่ยังทิ้งร่องรอยความบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ คุณสันติพงษ์ อินจันทร์ ได้รับบาดเจ็บถูกยิงด้วยกระสุนยางที่ตาขวา และคุณรุ่งศักดิ์ เศตะกาญจนาภรณ์ ถูกสะเก็ดระเบิดที่ขาข้างขวาต้องการให้ความสูญเสียที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียน และไม่ต้องการให้ใครต้องมีชะตากรรมเหมือนกับพวกเขา

นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวชีวิตของ คุณศิริพงษ์ ภู่กลั่น พนักงานส่งของซึ่งพิการมาตั้งแต่กำเนิด แต่โชคร้ายถูกสะเก็ดระเบิดระหว่างที่กำลังขับรถมอร์เตอร์ไซค์ส่งของย่านบ่อน ไก่

Content by Voice TV

19 กรกฎาคม 2553 เวลา 09:58 น.
                       

สมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด และอดีตประธานมูลนิธิกระจกเงา

สมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด และอดีตประธานมูลนิธิกระจกเงา เจ้าของวาทกรรม “ห้ามฉันพูด ฉันก็จะพิมพ์ ห้ามฉันพิมพ์ ฉันก็จะเขียน ห้ามฉันเขียน ฉันก็จะคิด ห้ามฉันคิด ก็ต้องห้ามลมหายใจฉัน” สมบัติได้เข้าร่วมการเคลื่อนไหวทางการเมือง เมื่อเกิดเหตุการณ์การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และได้นำสีแดงมาใช้เป็นสัญลักษณ์การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย ในนามของคน “เสื้อแดง” การเข้าร่วมการต่อสู้กับคนเสื้อแดง เขายึดแนวทาง สันติวิธี และการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ โดยมีแคมเปญ “วันอาทิตย์สีแดง” เพื่อเเสดงออกตามแนวทางสันติ และเป็นรูปเเบบการเเสดงออกด้วยข้อเท็จจริงในเรื่องของผู้เสียชีวิตเเละผู้ บาดเจ็บที่ไม่ถูกนำขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรม
ภายหลังเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 และ 19 พฤษภาคม 2553 เขาได้เดินทางไปผูกผ้าสีแดงบริเวณป้ายแยกราชประสงค์ โดยเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กระชับพื้นที่ ที่นำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิตและมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ

การแสดงออกของ สมบัติ บุญงามอนงค์ ทำให้เขาถูกคุมตัวตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยถูกคุมตัวที่ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จังหวัดปทุมธานี เมื่อสถานการณ์เริ่มกลับสู่ปกติแล้วศาลจึงอนุญาตปล่อยตัว

แนวคิดและการต่อสู้ของ สมบัติ บุญงามอนงค์ สุดท้ายแล้วจะเป็นดั่งคำที่เขาเคยแสดงออกไว้หรือไม่ “หากห้ามฉันคิด ก็ต้องห้ามลมหายใจฉัน” ติดตามได้ในรายการ Intelligence

20 กรกฎาคม 2553 เวลา 19:37 น.
                       

อัครเดช ขันแก้ว' ผช.พยาบาล

ตอนที่ 5 'อัครเดช ขันแก้ว' ผช.พยาบาล ที่ช่วยจนนาทีสุดท้าย

การจากไปของ 'อัครเดช ขันแก้ว' ทำให้โลกของครอบครัวขันแก้วดับมืดลง


Content by VoiceTV
23 กรกฎาคม 2553 เวลา 13:11 น.
                       

นางสาวกมนเกด อัคฮาด อาสาสมัครพยาบาล วัย 25 ปี

สดุดีอาสาพยาบาล “กมนเกด อัคฮาด”

นางสาวกมนเกด อัคฮาด อาสาสมัครพยาบาล วัย 25 ปี ซึ่งเสียชีวิตขณะปฎิบัติหน้าที่ในวัดปทุมวนาราม


Content by VoiceTV
24 กรกฎาคม 2553 เวลา 18:52 น
                       

นายมงคล เข็มทอง อาสากู้ภัยปอเต็กตึ้ง วัย 36 ปี Dxx

ตอนที่ 4 'มงคล เข็มทอง' สละชีวิตเพื่อช่วยชีวิต

ใครเป็นคนยิง? และ ยิงทำไม? กลายเป็นคำถามที่ครอบครัวเข็มทองต้องการคำตอบ หลังต้องสูญเสียสมาชิกคนสำคัญในวัดปทุมวนาราม


รายงานพิเศษ ชุด ขอคืนพื้นที่ความจริง 'เมษา-พฤษภา53' ตอนที่ 4 'มงคล เข็มทอง' สละชีวิตเพื่อช่วยชีวิต

วันนี้ (22 ก.ค.53) พบกับเรื่องราวของนายมงคล เข็มทอง อาสากู้ภัยปอเต็กตึ้ง วัย 36 ปี ที่ยอมสละความสุขและอุทิศชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น การเสียชีวิตของเค้าในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ทำให้ความหวังของพ่อที่ต้องการจะพึ่งพิงยามแก่ชราหมดลงไปด้วย

ติดตามได้จากรายงานพิเศษ ชุด ขอคืนพื้นที่ความจริง 'เมษา-พฤษภา53' เวลา 19.00 - 20.00น. ในรายการ VOICE NEWS ทางวอยซ์ทีวี

Content by VoiceTV

22 กรกฎาคม 2553 เวลา 11:40 น.
                          

ปากคำพยานสังหาร 6 ศพวัดปทุมฯ

รายงานพิเศษขอคืนพื้นที่ความจริงเมษา-พฤษภา53วันนี้นำพยาน2คนที่อยู่ที่เกิดเหตุตั้งแต่ต้นจนผู้ชุมนุมกลับบ้านมาบอกเล่าสิ่งที่เห็น


Content by Voice TV
25 กรกฎาคม 2553 เวลา 20:27
                       

ขอคืนพื้นที่ความจริง : ความจริงที่พ.ร.ก.ฉุกเฉินห้ามไม่ถึง

ย้อนรอยคำสัมภาษณ์นักข่าวต่างชาติที่ติดอยู่ในวัดปทุมวนาราม บอกเล่าคืนอำมหิตในเขตอภัยทาน


Content by VoiceTV
27 กรกฎาคม 2553 เวลา 19:17 น.
                          

เสวนา 'พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คุ้มครองหรือคุกคาม'

ผู้ได้รับผลกระทบจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมตัวจัดเสวนาในหัวข้อ 'พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คุ้มครองหรือคุกคาม'


Produced by VoiceTV
31 กรกฎาคม 2553 เวลา 18:48 น.
                          

เปิดใจนักเรียนเชียงรายอายุ 16 ปี รายงานตัวสถานพินิจ

ความคืบหน้าเรื่องการดำเนินคดีกับนักเรียน นักศึกษา 5 คน ในจังหวัดเชียงรายที่ถูกตำรวจจับ เพราะแสดงความคิดเห็นทางการเมือง


Produced by VoiceTV
30 กรกฎาคม 2553 เวลา 20:35 น.
                       

คำชี้แจงกรณี 6 ศพวัดปทุมฯจากรัฐบาล

คำชี้แจงจากรัฐบาล กองทัพและศอฉ.ที่พยายามพิสูจน์ว่าวันเกิดเหตุการณ์เสียชีวิต 6 ศพวัดปทุมฯไม่มีทหารอยู่ในพื้นที่ ติดตามจากรายงาน



Produced by VoiceTV

28 กรกฎาคม 2553 เวลา 19:21 น.
                       

พยานในวัดปทุมฯ ระบุ กระสุนมาจากที่สูง

พยานผู้เห็นเหตุการณ์การเสียชีวิต 6 ศพวัดปทุมฯเผยวินาทีที่กระสุนคร่าชีวิตอาสาพยาบาล 2 คน ใต้เต้นท์ ติดตามได้จากรายงาน



Content by VoiceTV

26 กรกฎาคม 2553 เวลา 19:20 น.
                     

ผมถูกกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้าย เพราะมีหนังสติ๊ก

สิทธิพงษ์ สิทธิสีจันทร์ กลายเป็นผู้พิการทางสายตาเพราะถูกทหารยิงที่ศีรษะ โดยให้เหตุผลเป็นผู้ก่อการร้ายและมีหนังสติ๊ก อาวุธในมือ

Produce by VoiceTV 31 กรกฎาคม 2553 เวลา 17:29 น.  
                     

Thursday, July 29, 2010

V1 นายยงยุทธ ท้วมมี หรือลุงบัง อายุ 52 ปี

-ลุงบังเปิดใจผ่านกรงขัง

วันเดียวกัน นายยงยุทธ ท้วมมี หรือลุงบัง อายุ 52 ปี คนสนิทของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่ถูกคุมขังอยู่ในแดน 5 เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครในข้อหาก่อการร้าย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในช่วงที่เสธ.แดงมีชีวิตอยู่ คอยรับใช้หรือที่เรียกติดปากว่า "นาย" เป็นเวลา 3 ปีมาแล้ว โดยเฉพาะเวลาที่เสธ.แดง อยู่ในกรุงเทพฯ ก็จะไปคอยรับใช้ตลอดเวลา ในช่วงการชุมนุมของนปช. ในช่วงตั้งแต่เดือน มี.ค.-พ.ค. ที่เสธ.แดงไปช่วยคอยดูความสงบเรียบร้อย ตนก็ตามไปเกือบตลอดเวลาด้วยเช่นกัน ไปคอยรับใช้ ซื้อข้าวซื้อน้ำ คอยส่องไฟฉายเวลาเสธ.แดงเดิน หรือคอยชิมอาหารที่มีคนเอามาให้ก่อน เรียกว่าถ้ามียาพิษก็จะตายก่อน แต่ไม่ใช่ฐานะของผู้ชุมนุม ไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงเลยสักครั้งเดียว

-ยันหรั่งไม่ใช่มือขวาเสธ.แดง

นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า ในเหตุการณ์วันที่ 13 พ.ค. ที่เสธ.แดงถูกยิง ก็อยู่ในเหตุการณ์ตลอด โดยทิศทางของกระสุน คาดว่ามาจากฝั่งโรงแรมดุสิตธานี และหลังจากการชุมนุมจบลงตนก็ถูกหมายจับจากศอฉ. แต่หนีไปอยู่ที่จ.อุดร ธานี กระทั่งเมื่อมีหมายจับจากดีเอสไออีกครั้ง ในข้อหาก่อการร้าย จึงตัดสินใจมามอบตัว และถูกส่งมายังเรือนจำในวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวนำรูปของนายสุรชัย เทวรัตน์ หรือหรั่ง ที่ดีเอสไอแจ้งข้อหาว่าเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีก่อการร้าย และเป็นมือขวาของพล.ต.ขัตติยะ มาให้นายยงยุทธดูก็บอกว่ารู้จักคนในรูป และใช่นายหรั่ง โดยถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำเดียวกัน แต่ไม่ใช่มือขวาของเสธ.แดง ก่อนหน้าที่ตนจะถูกจับ ก็ไม่ค่อยเห็นบ่อย ไม่ว่าจะเป็นช่วงก่อนหรือช่วงของการชุมนุม แต่นายหรั่งเคยมาหาเสธ.แดงบ้าง แต่โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะเป็นคนค้าอาวุธได้

-"ป๊อด"ไม่เคยมาชุมนุม

เมื่อนำรูปของส.ต.รชต วงค์ยอด หรือป๊อด ผู้ต้องหาในคดีก่อการร้ายอีกคนมาให้ดู นายยงยุทธบอกว่า คนนี้ชื่อ "เทวดา" ซึ่งรู้จักกันดี ส.ต.รชตเป็นทหารคนสนิทของเสธ.แดง เพราะในช่วงที่ส.ต.รชต ยังเป็นทหารเกณฑ์ ได้เป็นพลทหารรับใช้ภายในบ้านพักนายทหาร ที่ม.พัน.4 รอ. และในช่วงนี้เห็นส.ต.รชตอยู่กับเสธ.แดงตลอดเวลา ไปไหนมาไหนด้วยตลอด แต่หลังจากที่ส.ต.รชตสอบติดนายสิบและไปประจำการอยู่ที่อ.ปราณบุรี ก็ไม่เคยเห็นอีกเลย รวมถึงในช่วงเวลาในการชุมนุมของนปช. เมื่อช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. ที่ผ่านมา ก็ไม่เคยเห็นส.ต.รชต ปรากฏตัวเลยสักครั้งเดียว และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงนายเมธี อมรวุฒิกุล หรือเก่ง ที่อ้างว่าเป็นคนสนิทเสธ.แดงนั้น นายยงยุทธ กล่าวเพียงว่า เคยเห็นเมธีมาหาเสธ.แดงบ้าง

-ร้องขอความเป็นธรรม

พร้อมกันนี้ นายยงยุทธ ยังได้เรียกร้องความเป็นธรรมว่า ไม่เคยทำอะไรผิด ไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมกับนปช.สักครั้ง ที่เข้าไปอยู่ในพื้นที่การชุมนุมก็เป็นการรับใช้นายทหารที่รักเท่านั้น ในชีวิตก็ไม่เคยต้องโทษคดีใดมาก่อน ไม่เคยจะต้องมาใช้ชีวิตในคุก ต้องกินนอนลำบาก ต้องทำงาน ทั้งที่ไม่มีความผิดใด นอกจากนี้ ครอบครัวยังไม่มีคนแบ่งเบาภาระ เนื่องจากภรรยาที่ขาไม่ปกติ ต้องเลี้ยงหลานถึง 4 คน ส่วนลูกสาวที่ทำงานอยู่ก็มีวันหยุดเพียงวันอาทิตย์ แต่เรือนจำฯ ไม่อนุญาตให้เยี่ยมในวันเสาร์-อาทิตย์ จึงไม่เคยมีโอกาสได้เจอกัน คิดถึงและอยากเจอลูกสักครั้ง และหากเป็นไปได้ก็อยากพ้นผิด ออกไปอยู่กับครอบครัว ช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวบ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในบริเวณที่เยี่ยมผู้ต้องหา เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีญาติของ ส.ต.รชต วงค์ยอด 2 กลุ่ม มาเยี่ยมในเวลา 13.10 น. ที่ห้องเยี่ยมผู้ต้องหาที่ 2 ส่วนนายสุรชัย เทวรัตน์ หรือหรั่ง ก็มีญาติมาเยี่ยมเช่นกัน ในเวลา 13.30 น. ที่ห้องเยี่ยมผู้ต้องหาที่ 5 ที่ติดกับห้องเยี่ยมที่ 6 ของนายยงยุทธ และมีการทักทายกันระหว่างนายหรั่งและนายยงยุทธ


วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7182 ข่าวสดรายวัน
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOakk1TURjMU13PT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1DMHdOeTB5T1E9PQ==

R2 นางเบญจวรรณ ทองดี อายุ 55 ปี

-ตั้งรางวัล5หมื่นตามผัวนปช.

จากกรณีที่นางเบญจวรรณ ทองดี อายุ 55 ปี พักอยู่ในบริษัท อัมเท็มเทค จำกัด เลขที่ 47 ม.4 ต.บางโปรง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ร้องเรียนว่านายดิษชดาศักดิ์ ทองดี อายุ 47 ปี สามีซึ่งทำงานเป็นพนักงานขับรถบรรทุกเหล็กของบริษัท อัมเท็มเทค จำกัด หายตัวเมื่อวันที่ 10 พ.ค. พร้อมกับรถบรรทุก 18 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 97-9855 กทม. โดยในตัวพกบัตรสมาชิกนปช.ไว้ด้วยนั้น



นางเบญจวรรณ กล่าวว่า พอเป็นข่าวออกไป ตนดีใจที่ยังมีคนที่สนใจสอบถามกันมา และตอนนี้คิดว่าถ้าใครที่สามารถพาตัวนายดิษชดาศักดิ์ กลับมาได้ ยินดีจะให้รางวัลเป็นจำนวนเงิน 5 หมื่นบาท ตนก็ไม่มีเงินทองอะไร คิดว่าถ้าได้พบตัวนายดิษชดาศักดิ์ ถึงจะมีหรือไม่ ก็จะหาเงินมาให้เพื่อเป็นรางวัล ตอนนี้เผยแพร่บทความตนต้องหากินคนเดียว ลำบากมาก เพราะลูกกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.5 ก่อนหน้านี้ได้ไปให้พระดู พระบอกเขายังมีชีวิตอยู่ ถูกจับเอาไว้แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ไปดูมาตั้ง 4-5 วัด แต่จนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่พบจะ 3 เดือนอยู่แล้ว

ทางด้านนายนพพล จันทำ อายุ 50 ปี หัวหน้างานของนายดิษชดาศักดิ์ กล่าวว่า ทางบริษัทไม่นิ่งนอนใจ ได้ไปแจ้งความไว้กับตำรวจที่มาบตาพุด จ.ระยอง และสภ.ใกล้เคียง เพื่อให้ตำรวจติดตามตัวและรถหัวลากที่หายไปพร้อมกัน แต่เรื่องยังเงียบหายไป ทางบริษัทพยายามติดตามเรื่องนี้อยู่ตลอด ถ้าทางญาติจะติดตามหา ทางบริษัทก็ให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางตลอด


วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7182 ข่าวสดรายวัน
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOREk1TURjMU13PT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1DMHdOeTB5T1E9PQ==

R1 น.ส.อลิซาเบ็ธ โพเลนจ์กี้ ชาวอิตาลี

เมื่อเวลา 10.30 น. วันเดียวกัน น.ส.อลิซาเบ็ธ โพเลนจ์กี้ ชาวอิตาลี ซึ่งเป็นพี่สาวของนายฟาบิโอ โพเลนจ์กี้ ช่างภาพชาวอิตาลีที่ถูกยิงเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ทำข่าว ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทหารเข้ากระชับพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสถานทูตอิตาลี และเพื่อนนักข่าวของน้องชาย เดินทางเข้าพบพ.ต.อ. ชุมพร กาญจนรัตน์ ผกก.สน.ปทุมวัน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีที่นายฟาบิโอถูกยิงเสียชีวิต โดยใช้เวลาพูดคุยและปรึกษาหารือประ มาณ 2 ชั่วโมง

พ.ต.อ.ชุมพร กล่าวเปิดเผยว่า เบื้องต้นน.ส. อลิซาเบ็ธ พี่สาวของนายฟาบิโอ นักข่าวชาวอิตาลี ได้เดินทางมาที่สน. เพื่อดูสำนวนผลการชันสูตรศพของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าตรงกับผลการชันสูตรของนิติเวชหรือไม่ นอกจากนี้ ตนยังได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่สถานทูต จนเป็นที่เข้าใจเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตนก็ได้แจ้งให้น.ส.อลิซาเบ็ธและทางสถานทูตทราบว่า ขณะนี้คดีได้โอนไปอยู่ในความดูแลของกรมคดีสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว เนื่องจากเป็นคดีพิเศษที่ไปรวมกับคดีก่อการร้าย ซึ่งตนจะเป็นผู้ประสานงานกับดีเอสไอ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าวให้

-เข้าร้อง"องอาจ"ที่ทำเนียบ

ทางด้านนายนันทพงษ์ ไชยวุฒิ 62 ปี เจ้าหน้าที่ของบริษัทเยอรมันแม็กกาซีน ซึ่งเป็นผู้ประสานงานกับนักข่าวต่างประเทศที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย และเป็นผู้พาน.ส.อลิซาเบ็ธเดินทางมาที่สน.ปทุมวัน กล่าวว่า นายฟาบิโอทำงานอยู่กับนิตยสารเยอรมันแม็กกาซีน ซึ่งก็ได้มาเสียชีวิตระหว่างปฎิบัติหน้าที่ โดยตนได้รับการประสานงานให้มาดูแลอำนวยความสะดวกให้กับน.ส.อลิซาเบ็ธ พี่สาวของนายซาบิโอ โดยน.ส.อลิซาเบ็ธได้เดินทางมาจากประเทศอิตาลีถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวานนี้ (27 ก.ค.) จากนั้นก็พามาที่สน.ปทุมวัน เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดีตามคำแนะนำของสถานทูต เพราะเหตุการณ์ผ่านมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ จนน.ส.อลิซาเบ็ธร้อนใจ จึงเดินทางมาดูด้วยตนเอง

ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.อลิซาเบ็ธเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าพบนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะกำกับดูแลงานด้านสื่อ โดยใช้เวลาหารือนาน 30 นาที ซึ่งน.ส.อลิซาเบ็ธ กล่าวว่า การมาเมืองไทยหนที่ 2 ของตนในครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีการเสียชีวิตของน้องชาย เนื่องจากรู้สึกว่าไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ตนไปขอข้อมูลจากตำรวจเขาก็ไม่ให้ และแจ้งให้ทราบว่าคดีนี้ถูกมอบให้ไปอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอแล้ว อย่างไรก็ตาม นายองอาจได้รับปากจะช่วยติดต่อสอบถามเรื่องจากดีเอสไอให้ และได้แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้น

-เตรียมบุกดีเอสไอต่อ 29 ก.ค.

ด้านนายองอาจ ให้สัมภาษณ์ว่า น.ส.อลิซาเบ็ธมาพบตนเพื่อเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น โดยเขาไม่ได้มาเรียกร้องอะไรจากนายกฯ หรือรัฐบาลไทย เพียงมาขอความร่วมมือว่าเขาอยากได้รายละเอียดการเสียชีวิตของน้องชาย ขอให้ตนช่วยผลักดันไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเขาต้องการขอรายละเอียดการตาย และวันที่ 29 ก.ค. เขาจะไปพบดีเอสไอ ตนบอกว่าจะช่วยประสานดีเอสไอให้ แม้หน้าที่ตนไม่เกี่ยวข้อง แต่จะประสานกระทรวงยุติธรรม ให้ช่วยอำนวยความสะดวก เพื่อให้เขาได้รับข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่อยากได้ เขาไม่ได้มาร้องขออะไร และเขามีความเข้าใจดีต่อขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่แต่ละฝ่ายที่รับผิดชอบคดี นอกจากนี้เขายังบอกว่า อยากขอคนที่เอาข้อมูลในกล้องของน้องชายเขาไปคืนมาด้วย เพราะเขาต้องการเก็บเป็นภาพบันทึกสุดท้ายในประเทศไทย

นายองอาจ กล่าวว่า ตนแนะนำว่าให้เขาไปพบกับคณะกรรมการอิสระของนายคณิต ณ นครด้วย เพราะเป็นคณะกรรมการที่หาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้โดยตรง มีอำนาจตามกฎหมายที่จะช่วยเขาแสวงหาข้อเท็จจริงด้วย ซึ่งน.ส.อลิซาเบ็ธได้ขอบคุณ และตนบอกด้วยว่าบางทีเจ้าหน้าที่มีข้อจำกัดในเรื่องกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งเขาเข้าใจดี


วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7182 ข่าวสดรายวัน
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOREk1TURjMU13PT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1DMHdOeTB5T1E9PQ==

d91. นายบุญมี เริ่มสุข อายุ 71 ปี


ศพที่ 91 - นายบุญมี เริ่มสุข เหยื่อสไนเปอร์ที่บ่อนไก่ สิ้นใจแล้วเมื่อวันที่ 28 ก.ค. หลังญาติเพิ่งดักรอร้องเรียนนายกรัฐมนตรีไปเมื่อวันที่ 27 ก.ค. นับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 91 จากเหตุการสลายม็อบแดง

"ลุงบุญมี" เหยื่อกระสุน สไนเปอร์ สิ้นใจแล้วเป็นศพที่ 91 หลังลูกสาวดักร้องเรียน"มาร์ค"ที่ร.พ. ตำรวจแค่วันเดียว ให้ช่วยสั่งการหมอให้ดูแลรักษาดีกว่าเดิม พี่สาวช่างภาพอิตาลีบินมาไทยรอบสอง เข้าขอทราบสาเหตุการตายที่แน่ชัดของน้องชายจากตร.ปทุมวัน แต่ตร.โยนว่าโอนคดีให้ดีเอสไอไปแล้ว เลยบุกทำเนียบเข้าร้องเรียน "องอาจ คล้ามไพบูลย์" ให้ช่วยอีกแรง ทางรมต.รับประสานงานให้ไปพบดีเอสไอในวันรุ่งขึ้น ทางด้านอนุกก. สิทธิฯ ชี้คดีน.ศ.เชียงรายถือป้าย ก็คล้ายคดี "พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง" ขณะที่ "บ.ก.ลายจุด" นัดเจออาทิตย์นี้ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่มีข้อแม้ถ้าน.ศ.เชียงรายถูกคุมขัง จะย้ายไปเชียงรายแทน

-ลุงบุญมีเหยื่อสไนเปอร์-สิ้นใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 28 ก.ค. นายบุญมี เริ่มสุข อายุ 71 ปี ซึ่งบาดเจ็บสาหัสเนื่องจากกระสุนสไนเปอร์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ขณะออกมาที่บริเวณปากซอยบ่อนไก่ ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องเข้ารับการผ่าตัดต่อลำไส้ ได้เสียชีวิตแล้วที่ร.พ.ตำรวจ โดยก่อนหน้านี้วันเดียว ลูกสาวเพิ่งเข้าร้องเรียนต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปร.พ.ตำรวจพอดี ให้ช่วยดูแลนายบุญมีด้วย เนื่องจากอาการทรุดลงตามลำดับ จนกระทั่งเข้าสู่อาการโคม่า เนื่องจากติดเชื้อในกระแสโลหิต นับเป็นศพที่ 91 แล้ว สังเวยให้กับการชุมนุมและสลายการชุมนุมนปช.

ต่อมาเวลา 09.00 น. นางนันทพร เริ่มสุข อายุ 68 ปี พร้อมด้วยนางณัฐภัสสร เต็มวิจิตร อายุ 44 ปี น.ส.พรพิมล เริ่มสุข อายุ 37 ปี บุตรสาว และญาติๆ เดินทางมารับศพนายบุญมีที่สถาบันนิติเวช ร.พ.ตำรวจ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าสร้อย

-นายกฯสั่งหมอช่วยก็ไม่ทัน

นางณัฐภัสสร เปิดเผยว่า พ่อตนถูกยิงบริเวณริมถนนพระราม 4 หน้าร้านอาหารระเบียงทอง ขณะกำลังรอรับหลานกลับจากโรงเรียน โดยถูกยิงเข้าที่ท้องด้านซ้าย กระสุนตัดลำไส้เล็กขาด ตอนนั้นทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพฯ ได้พาตัวส่งร.พ.เจริญกรุงประชารักษ์ โดยแพทย์ก็ได้ผ่าตัดต่อลำไส้เล็กให้แล้ว แต่ต่อมาปรากฏว่าลำไส้ไม่ยอมต่อกัน ประกอบกับพ่อเคยเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ และที่หน้าท้องด้านขวาก็ยังต้องเจาะท่อใส่สายยางระบายของเสียเนื่องจากผ่าตัดลำไส้ใหญ่มา ทางแพทย์จึงยังไม่ผ่าตัดให้ใหม่ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอาการหัวใจกำเริบระหว่างผ่าตัด โดยได้ส่งตัวให้มารักษาตัวต่อที่ร.พ.ตำรวจ ที่มีแพทย์เฉพาะทางพร้อมกว่า และเคยมีประวัติอยู่ ตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา

นางณัฐภัสสร กล่าวว่า ตอนที่มายังร.พ. ตำรวจก็ยังมีสติ สามารถพูดคุยลุกนั่ง ขับถ่ายเองได้ แต่มาเริ่มมีอาการไม่ดีเมื่อวันเสาร์ที่ 24 ก.ค. โดยเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง จำใครไม่ได้ ทางแพทย์ได้แจ้งว่าอาจจะมีอาการติดเชื้อและได้เจาะเลือดไปเพาะเชื้อ แต่ก็ยังให้นอนอยู่ที่ห้องผู้ป่วยรวมเหมือนเดิม จนกระทั่งอาการเริ่มหนักขึ้นจนไม่รู้สึกตัว ทางตนและน้องสาวจึงไปต่อว่า จนทางแพทย์ยอมย้ายพ่อตนเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ค. แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จนเมื่อวานนี้ (27 ก.ค.) ตนได้ร้องเรียนนายกรัฐมนตรี และทางนายกฯ สั่งการให้ดูแลพ่อตนให้เต็มที่ ทำให้ตนทราบว่าพ่อติดเชื้อในกระแสเลือด ทางแพทย์จึงระดมให้ยาอย่างดี ทำให้ช่วงแรกอาการพ่อเริ่มดีขึ้น แต่เมื่อตี 2 อาการพ่อกลับทรุดลงไปอีกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อเวลา 06.00 น. หลังจากนี้ทางญาติจะนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหัวลำโพง
ศาลา 2 โดยจะมีพิธีรดน้ำศพในเวลา 17.00 น.

ที่มา วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7182 ข่าวสดรายวัน
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOREk1TURjMU13PT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1DMHdOeTB5T1E9PQ==

Wednesday, July 21, 2010

รพ สุขสถิตย์’ หนึ่งในวีรชนที่ถูกลืม

การระบุชื่อศพผิดจาก 'รพ สุขสถิตย์' เป็น 'วิชัย มั่นแพ' ทำให้ครอบครัวสุขสถิตย์ต้องร้อนใจนานนับสัปดาห์ ในการตามหาเสาหลักของบ้าน
Content by VoiceTV
19 กรกฎาคม 2553 เวลา 14:53 น.

นายอัฐชัย ชุมจันทร์ บัณฑิตนิติศาสตร์วัย 29 ปี จบชีวิตในวัดปทุมวนาราม เพียงเพราะต้องการเรียนรู้ประชาธิปไตยจากเหตุการณ์จริง

พบกับ เรื่องราวของบัณฑิตนิติศาสตร์หนุ่มวัย 29 ปี จากรั้วรามคำแหง ที่ต้องการเรียนรู้ประชาธิปไตยจากเหตุการณ์จริง แต่เคราะห์ร้ายต้องจบชีวิตในวัดปทุมวนาราม โดยที่ยังไม่มีโอกาสได้เห็นรูปถ่ายรับพระราชทานปริญญาบัตรของตัวเอง


Content by VoiceTV
21 กรกฎาคม 2553 เวลา 14:16 น.

'สุวัน ศรีรักษา' หนึ่งในการ์ด นปช. ที่ถูกลืม

ครอบครัวศรีรักษาใช้เงินกว่า 30,000 บาท สร้างอนุสรณ์แด่ 'สุวัน ศรีรักษา' เพื่อเชิดชูความดีและความกล้าหาญในฐานะวีรชน